การเล่นเกมบนคอมพิวเตอร์หรือ PC สเปคแรงๆ ประสิทธิภาพสูง เล่นเกมลื่นไม่มีสะดุด ถือเป็นสิ่งชาวเกมเมอร์ทุกคนล้วนต้องการ ทั้งนี้ ในการประกอบคอมสักเครื่อง อาจต้องเลือกชิ้นส่วนต่างๆ อย่างถี่ถ้วน ทำให้โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง (Gaming Notebook) เป็นหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์เกมเมอร์หลายๆ คน ด้วยสเปคที่มีประสิทธิภาพสูง ฟีเจอร์ครบครัน

ปัจจุบันมีโน๊ตบุ๊คเล่นเกมหลากหลาย มีสเปคและราคาแตกต่างกันไป ดังนั้น ในการเลือกโน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง เหล่าเกมเมอร์จึงควรคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ อย่างถี่ถ้วน เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการ ทั้งสเปค ดีไซน์ และฟังก์ชัน

โน๊ตบุ๊คเกมมิ่งต่างจากโน๊ตบุ๊คทั่วไปอย่างไร

อันดับแรก ก่อนที่จะไปดูองค์ประกอบการเลือกโน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่า โน๊ตบุ๊คสำหรับเล่นเกมต่างจากโน๊ตบุ๊คทั่วๆ ไปยังไง โดยโน๊ตบุ๊คทั้งสองชนิดมีข้อแตกต่างที่ชัดเจนทางด้านฮา์รดแวร์และการออกแบบ ดังนี้

ฮาร์ดแวร์: โน๊ตบุ๊คเกมมิ่งมีประสิทธิภาพ CPU และ GPU สูงกว่าโน๊ตบุ๊คสำหรับทำงานอย่างมาก รวมไปถึงแรมที่มีความเร็วและปริมาณมากกว่า ระบบระบายความร้อนที่ซับซ้อนและมีประสิทธิภาพสูง หน้าจอที่มีอัตรารีเฟรชสูงและค่าสีที่ใกล้เคียงกับสีจริง รวมไปถึงพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ ที่ให้มาครบครัน ทั้งหมดก็เพื่อมอบประสบการณ์การเล่นเกม และการใช้งานมัลติมีเดียต่างๆ ให้ได้อรรถรสมากที่สุดการออกแบบ: โน๊ตบุ๊คเกมมิ่งมักมีดีไซน์ที่โดดเด่นสะดุตา ทั้งลวดลายบนตัวเครื่อง คีย์บอร์ด ไฟ RGB ประดับเพื่อความสวยงาม และวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทานกว่า ซึ่งโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งของแต่ละแบรนด์จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไปด้วยเช่นกัน

เจาะลึกการเลือกโน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง เข้าใจทุกองค์ประกอบสำคัญ

1. การเลือก CPU

CPU หรือ Central Processing Unit คือ หน่วยประมวลผลกลางของเครื่องโน๊ตบุ๊ค และเป็นหนึ่งองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของ เพราะทำหน้าที่เสมือนสมองของเครื่อง จัดการทุกการคำนวณและการทำงานระหว่างส่วนประกอบต่างๆ ในการเล่นเกม CPU จะทำหน้าที่คำนวณฟิสิกส์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการตอบสนองของเกม

แกนประมวลผล (Cores) ใน CPU มีความสำคัญอย่างมาก เพราะเปรียบเสมือนคนทำงานหลายคน ยิ่งมีแกนมาก ก็ยิ่งจัดการงานได้พร้อมกันมากขึ้น ในปัจจุบัน โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง รุ่นใหม่มักมาพร้อม CPU จำนวน 6-8 แกนขึ้นไป ทำให้สามารถเล่นเกมพร้อมกับเปิดโปรแกรมอื่นๆ ได้อย่างลื่นไหล โดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพ

ความเร็ว Clock Speed เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่บ่งบอกว่า CPU สามารถประมวลผลได้เร็วแค่ไหน วัดเป็นหน่วย GHz โดยยิ่งตัวเลขสูง การตอบสนองในเกมก็จะยิ่งเร็ว นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Turbo Boost ของ Intel หรือ Boost Clock ของ AMD ที่เข้ามาช่วยให้ CPU มีประสิทธิภาพมากขึ้น เหมาะสำหรับช่วงเวลาเล่นเกมสเปคสูงๆ ที่ต้องรีดประสิทธิภาพสูงสุด

หน่วยความจำแคช (Cache) ใน CPU เป็นเสมือนความจำพิเศษที่เร็วมาก ช่วยให้ CPU เข้าถึงข้อมูลที่ใช้บ่อยได้เร็วขึ้น แคชแบ่งเป็นระดับ L1, L2 และ L3 โดย L1 เร็วที่สุดแต่มีขนาดเล็ก ส่วน L3 ช้ากว่าแต่มีขนาดใหญ่ ซึ่งมีผลต่อความเร็วในการโหลดฉากและองค์ประกอบต่างๆ ในเกม

2. การเลือก GPU

GPU หรือ Graphics Processing Unit หรือที่เราคุ้นหูกับคำว่า “การ์ดจอ” เป็นองค์ประกอบที่เหล่าเกมเมอร์ให้ความสำคัญไม่แพ้ CPU โดยเฉพาะสำหรับเกมสมัยใหม่ที่เน้นกราฟิกสวยงามและสมจริง จึงต้องเลือกการ์ดจอที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย โดย GPU ทำหน้าที่ประมวลผลและแสดงผลภาพทั้งหมดที่เห็นในเกม ตั้งแต่พื้นผิว แสงเงา และเอฟเฟกต์ต่างๆ ไปจนถึงการเคลื่อนไหวของตัวละคร

ปัจจุบันมีค่าย NVIDIA และ AMD ที่เป็นผู้ผลิต GPU หลักสำหรับโน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง โดย NVIDIA มีเทคโนโลยี CUDA Cores ที่เป็นหน่วยประมวลผลย่อยสำหรับคำนวณกราฟิก ยิ่งมี CUDA Cores มาก ก็ยิ่งรองรับเอฟเฟกต์กราฟิกซับซ้อนได้ดี ส่วน AMD ใช้ Stream Processors ที่ทำงานในลักษณะคล้ายกัน

ฟีเจอณ์ Ray Tracing เป็นเทคโนโลยีใน GPU ที่น่าสนใจ เพราะเป็นการจำลองแสงในโลกจริง ทำให้แสงเงา และการสะท้อนในเกมดูสมจริงมากขึ้น โดยฟีเจอร์นี้มีในการ์ดจอรุ่นใหม่อย่าง RTX 40 Series ของ NVIDIA ซึ่งมาพร้อมหน่วยประมวลผล Ray Tracing รุ่นที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพสูง ให้ภาพที่สวยงามโดยไม่สูญเสียประสิทธิภาพ

อีกทั้งยังมี DLSS (Deep Learning Super Sampling) ของ NVIDIA และ FSR (FidelityFX Super Resolution) ของ AMD เป็นเทคโนโลยี AI ที่ช่วยเพิ่ม FPS โดยการเรนเดอร์ภาพที่ความละเอียดต่ำแล้วขยายขึ้นด้วย AI ทำให้ได้ภาพคมชัดใกล้เคียงความละเอียดเต็มแต่ใช้พลังงานน้อยกว่า เทคโนโลยีนี้ช่วยให้เล่นเกมที่เปิดใช้ Ray Tracing ได้ลื่นไหลมากขึ้น

3. การเลือก RAM

RAM (Random Access Memory) หรือหน่วยความจำหลัก เป็นพื้นที่ชั่วคราวสำหรับเก็บข้อมูลที่กำลังใช้งาน ในขณะเล่นเกม RAM จะเก็บข้อมูลเกมที่จำเป็นต้องเข้าถึงบ่อยๆ เช่น แผนที่ โมเดล 3D และข้อมูลตัวละคร และแน่นอนว่าหากมี RAM ไม่เพียงพออาจทำให้เกมกระตุก โหลดช้า หรือเกิดการสะดุดขณะเล่น โดยในปัจจุบัน ด้วยสเปคเกมที่สูงขึ้นและสมจริงยิ่งขึ้น จำนวน RAM ที่แนะนำสำหรับการเล่นเกมนั้นอยู่ที่ 16 GB เป็นขั้นต่ำ หรือจะอัปเกรดให้เป็น 32 GB ก็จะยิ่งช่วยให้โน๊ตบุ๊คสามารถรันเกมได้ลื่นไหลมากขึ้น

ในส่วนของความเร็ว RAM นั้นจะวัดเป็น MHz มีผลต่อความเร็วในการรับส่งข้อมูล โดยปัจจุบัน DDR4 เป็นมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งมีความเร็วตั้งแต่ 2400MHz ถึง 3200MHz ส่วน DDR5 เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มีความเร็วสูงถึง 4800MHz ขึ้นไป ช่วยให้การโหลดข้อมูลในเกมเร็วขึ้น

นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Dual Channel เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรับส่งข้อมูลโดยใช้ RAM สองแถวทำงานพร้อมกัน เพิ่ม Bandwith ในการรับ-ส่งข้อมูลเป็นสองเท่า ทำให้การโหลดเกมและการทำงานต่างๆ เร็วขึ้น โน๊ตบุ๊คเกมมิ่งที่ดีควรรองรับ Dual Channel และมีช่องว่างสำหรับเพิ่ม RAM มาให้ด้วย

4. การเลือกหน้าจอ Display

จอแสดงผลเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลต่อ สีสันของภาพและประสบการณ์การเล่นเกม เทคโนโลยีจอแสดงผลในปัจจุบันมีความหลากหลาย โดยแต่ละประเภทมีข้อดีแตกต่างกัน โดยประเภทพาแนลหน้าจอที่เป็นที่นิยมมีดังนี้

• พาเนล IPS (In-Plane Switching) - ให้สีสันสวยงาม มุมมองกว้าง เหมาะกับเกมที่เน้นภาพสวยงาม แต่อาจมีการตอบสนองช้ากว่าเล็กน้อย 
• พาเนล VA (Vertical Alignment) - ให้ค่า Contrast Ratio ที่สูง ความเข้มของสีดำที่ลึกกว่า เหมาะกับคนที่ชื่นชอบหรือต้องการความสมจริงของแสงเงา 
• พาเนล TN (Twisted Nematic) - ให้ Refresh Rate ที่สูงที่สุด มอบการตอบสนองที่เร้าใจ แต่ก็แลกมาด้วยสีสันที่ดูซีดจางกว่าพาเนลประเภทอื่น
• พาเนล OLED (Organic Light Emitting Diode) - เทคโนโลยีล่าสุดในการแสดงผลจอภาพที่ให้ขอบเขตสีที่กว้าง มอบค่า Contrast ที่ดำสนิทและสมจริงที่สุด อีกทั้งยังประหยัดพลังงาน แต่เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีใหม่ จึงมีราคาที่สูงด้วยเช่นกัน

เมื่อพูดถึงอัตรารีเฟรช (Refresh Rate) ที่ส่งผลต่อความลื่นไหลของภาพ จอ 60Hz ที่พบในโน๊ตบุ๊คทั่วไปอาจไม่เพียงพอสำหรับเกมที่ต้องการความแม่นยำสูง ทั้งนี้โน๊ตบุ๊คเกมมิ่งสมัยใหม่มักมาพร้อมจอ 144Hz, 240Hz หรือสูงกว่า ซึ่งให้ภาพที่ลื่นไหลกว่ามาก เหมาะสำหรับเกม FPS หรือเกมแข่งขันที่ต้องการความแม่นยำสูง

อีกหนึ่งองค์ประกอบที่ควรให้ความสำคัญคือ เวลาตอบสนอง (Response Time) ที่แสดงถึงความเร็วที่พิกเซลเปลี่ยนจากสีหนึ่งไปอีกสีหนึ่ง ยิ่งมีค่าต่ำยิ่งดี เพราะช่วยลดอาการ "เงาลาก" หรือ Ghosting ที่เกิดขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหวรวดเร็วในเกม ซึ่งจอ Gaming Notebook ที่ดีควรมีเวลาตอบสนองต่ำกว่า 5ms

5. ระบบระบายความร้อน 

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเมื่อเล่นเกมไปนานๆ หรือใช้งานโน๊ตบุ๊คอย่างหนัก จะทำให้เกิดความร้อนสะสม ยิ่งเป็นโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งที่ทั้ง CPU และ GPU ทำงานเต็มประสิทธิภาพตลอดเวลาขณะเล่นเกม ยิ่งทำให้เกิดความร้อนสูงภายในตัวเครื่อง หากระบายความร้อนได้ไม่ดี จะทำให้ประสิทธิภาพของโน๊ตบุ๊คลดลง (Thermal Throttling) หรือแย่กว่านั้นคือเกิดความเสียหายต่อชิ้นส่วนภายใน

แบรนด์ผู้ผลิตหลายรายมักมีการออกแบบท่อความร้อน (Heat Pipes) และพัดลมระบายอากาศที่มีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการเล่นเกมอยู่แล้ว ทั้งนี้ มีเทคโนโลยีใหม่อย่าง Vapor Chamber ที่อาศัยการระเหยและควบแน่นของของเหลวเพื่อกระจายความร้อนได้ดียิ่งขึ้นไปอีกขั้น

6. ระบบเสียง

ระบบเสียงที่ดีช่วยจะเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกม ซึ่งโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งระดับพรีเมียมมักมาพร้อมลำโพงคุณภาพสูง บางรุ่นมีลำโพงที่ได้รับการปรับแต่งจากผู้ผลิตเครื่องเสียงชั้นนำ พร้อมเทคโนโลยี Virtual Surround Sound ที่จำลองเสียงรอบทิศทาง

อีกทั้งระบบประมวลผลสมัยใหม่สามารถแยกแยะและเน้นเสียงสำคัญในเกม เช่น เสียงฝีเท้าของศัตรู เสียงปืน หรือเสียงระเบิด ช่วยให้ผู้เล่นรับรู้ทิศทางและระยะห่างของเสียงได้แม่นยำ ซึ่งทำให้ได้อรรถรสและความสมจริงมากยิ่งขึ้น

7. พอร์ตการเชื่อมต่อ

พอร์ตเชื่อมต่อที่หลากหลายและทันสมัยเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ โน๊ตบุ๊คเกมมิ่งโดยเฉพาะ HDMI 2.1 หรือ DisplayPort ที่รองรับการแสดงผลความละเอียดสูงและอัตรารีเฟรชสูง รวมไปถึง USB Type-C ที่รองรับ Thunderbolt สามารถเชื่อมต่อกับ External GPU หรือจอภาพความละเอียดสูงได้

การเชื่อมต่อเครือข่ายก็สำคัญไม่แพ้กัน การ์ดเครือข่ายไร้สาย WiFi 6E หรือ WiFi 7 ให้ความเร็วและความเสถียรสูง ลดปัญหา Lag ในการเล่นเกมออนไลน์ ส่วนพอร์ต Ethernet ความเร็ว 2.5 Gbps ช่วยให้การเชื่อมต่อเครือข่ายมีความเสถียร

8. คีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊ค

คีย์บอร์งในโน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง ไม่ได้เป็นแค่แป้นพิมพ์ธรรมดาๆ แต่เป็นอุปกรณ์ควบคุมที่สำคัญในการเล่นเกม ดังนั้นจึงควรมีระยะ Key Travel ที่เหมาะสม ซึ่งจะมีผลต่อความแม่นยำและความรู้สึกในการกดปุ่ม โดยทั่วไปแล้วระยะกด 1.5-2.0 มิลลิเมตรถือว่าเหมาะสมที่สุด ให้ความรู้สึกตอบสนองดี และไม่ทำให้รู้สึกเหนื่อยนิ้วเมื่อเล่นเกมเป็นเวลานาน

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี Anti-Ghosting และ N-Key Rollover เป็นฟีเจอร์สำคัญที่ช่วยให้สามารถกดปุ่มหลายปุ่มพร้อมกันได้โดยไม่มีปัญหา ซึ่งจำเป็นมากในเกมที่ต้องใช้คอมโบหรือกดปุ่มหลายปุ่มพร้อมกัน นอกจากนี้ ระบบไฟ RGB แบบปรับแต่งได้ไม่ได้มีไว้เพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังช่วยให้มองเห็นปุ่มได้ชัดเจนในที่มืด และสามารถกำหนดสีเพื่อแยกกลุ่มปุ่มที่ใช้งานบ่อยในเกมต่างๆ ได้อีกด้วย

การเลือกซื้อ โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง นอกจากจะพิจารณาสเปคต่างๆ แล้ว ควรคำนึงถึงการรับประกันและบริการหลังการขาย บางแบรนด์มีศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศ และมีบริการเปลี่ยนเครื่องทันทีหากเกิดปัญหา ซึ่งสำคัญมากสำหรับผู้ที่ใช้งานโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งเพื่อการทำงานหรือเรียนไปด้วย

อีกทั้งควรพิจารณาความสามารถในการอัพเกรดใน โน๊ตบุ๊คเกมมิ่งบางรุ่นออกแบบมาให้สามารถเพิ่ม RAM หรือเปลี่ยน SSD ได้ง่าย นอกจากนี้ ควรศึกษารีวิวจากผู้ใช้ และทดสอบเครื่องที่หน้าร้านตัวแทนจำหน่ายก่อนตัดสินใจซื้อหากเป็นไปได้

ส่วนท่านใดที่สนใจซื้อโน๊ตบุ๊คหรือแล็ปท็อปเกมมิ่ง รวมไปถึงคอมเซ็ต และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆ ทาง MSI THAILAND E-STORE พร้อมให้บริการ

สั่งซื้อสินค้า MSI ออนไลน์ สะดวก ครบจบที่ MSI THAILAND E-STORE

MSI THAILAND E-STORE รวบรวมสินค้า MSI ครบทุกชนิด ทุกรุ่น ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับธุรกิจ คอมเซ็ต MSI โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง ออลอินวันพีซี MSI  จอ MSI การ์ดจอ เกมมิ่งเกียร์ และอื่นๆ พร้อมส่งสินค้าอย่างรวดเร็วทันใจ

สามารถค้นหาและสั่งซื้อได้ที่ MSI THAILAND E-STORE หรือ คลิก